สรรพคุณต้นคูณ

ประโยชน์และสรรพคุณทางยาตำหรับไทย ต้นคูณ หรือ ราชพฤกษ์ 




ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย

เมื่อปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อเสนอและสรุปให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการพิจารณาได้ข้อสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” และในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลในการคัดเลือกดังนี้




สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคและอาการต่าง ๆ โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น ได้แก่ ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก และเมล็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงผู้สูงอายุ โดยไม่มีอันตรายใด ๆ

ราชพฤกษ์

สรรพคุณราชพฤกษ์/ต้นคูน
1. ดอก
– มีสารที่ออกฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
– มีสารออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบ เช่น เชื้อที่ก่อการอักเสบของหูชั้นนอก
– สารสกัดจากดอกมีฤทธิ์การต่อต้านเชื้อรา
– ดอกนำมาต้มรับประทานมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด รักษาโรคเบาหวาน
– สารสกัดจากดอกราชพฤกษ์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และความกระชับของผิว


2. ราก เปลือก และแก่น
– ราก นำมาต้มรับประทาน ใช้ลดไข้ รักษาโรคในถุงน้ำดี
– ราก นำมาฝนทารักษากลาก เกลื้อน และโรคผิวหนังต่างๆ
– ราก เปลือก และแก่น นำมาต้มใช้ล้างบาดแผล ต้านเชื้อแบคทีเรีย รักษาแผลติดเชื้อ แผลอักเสบ
– ราก เปลือก และแก่น นำมาต้มรับประทาน ใช้เป็นยาระบาย
– ราก เปลือก และแก่น นำมาต้มใส่เหลือเล็กน้อยรับประทาน ใช้แก้ท้องผูก ท้องเสีย
– เปลือกนำมาบดผสมน้ำใช้ทาหรือต้มน้ำอาบ สำหรับรักษาฝี รักษาโรคผิวหนัง ต้านเชื้อแบคทีเรีย
– แก่น นำมาต้มรับปรานใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ
3. ใบ และดอก
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทาน ใช้เป็นยาระบาย
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทาน ใช้ต้านอนุมูลอิสระ
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทาน ใช้ต้านรักษาโรคเบาหวาน บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ลดอัตราเสี่ยงของโรคระบบหัวใจ และหลอดเลือด
– กินสดหรือต้มน้ำรับประทาน ใช้เป็นยาระบาย
– นำมาบด ใช้ทาผิวหนัง ใช้ทาแผล ต้านเชื้อแบคทีเรีย
4. ฝัก
– เนื้อฝัก นำมาต้มรับประทาน ใช้เป็นยาระบาย ออกฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของลำไส้
– น้ำต้มจากฝัก รับประทานแก้บรรเทาอาหารจุกเสียดแน่นท้อง
สารออกฤทธิ์
• สารคาร์ทามีดีน (carthamidine) ของดอกที่ให้สีเหลือง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด ป้อกงัน และรักษาโรคเบาหวาน
• สารคาร์ทามีดีน (carthamidine) ของดอก มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว ต้านการเสื่อมของเซลล์
• สารแคโรทีนอยด์ หลายชนิดในใบ และดอกออกฤทธิ์รวมกันหลายด้าน อาทิ
– ต้านการเสื่อมสภาพของเซลล์ ป้องกันผิวจากอันตรายของแสง ป้องกันผิวเหี่ยวย่น
– ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาอักเสบ โรคต้อกระจก และช่วยให้มองเห็นได้ดีในตอนกลางคืน
– ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกัน และลดอาการภูมิแพ้
– บำรุงเลือด บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคในระบบหัวใจ และหลอดเลือด
– ต้านเซลล์มะเร็ง




• สารในกลุ่ม saponin มีคุณสมบัติเป็นสารลดแรงตึงผิว มีฤทธิ์ลดการอักเสบ ขยายหลอดลม แต่มีผลข้างเคียงทำให้เม็ดเลือดแตกตัว
• สาร anthraquinones ที่พบในใบ และฝัก มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ใช้เป็นยาระบาย ใช้ฆ่าเชื้อ
• สารในกลุ่ม flavonoid ที่พบในใบ ดอก และฝัก หลายชนิดออกฤทธิ์รวมกัน ต้านเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย ต้านการอักเสบ ช่วยขยายหลอดลม ช่วยให้ผนังเส้นเลือดแข็งแรง รักษาโรคริดสีดวงทวารหนัก
• สารแทนนิน (tannin)ที่พบในเปลือก และแก่น มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้รักษาอาการท้องร่วง นอกจากนั้น เมื่อเข้าสู่ลำไส้จะกับโปรตีนในเยื่อบุ ช่วยลดการอักเสบ ต้านการสูญเสียน้ำ ช่วยดูดซึมน้ำกลับ แต่มีผลทำให้อาหารไม่ย่อย ทำให้ท้องอืด
• สารคลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในใบนำมาต้มน้ำดื่มออกฤทธิ์หลายด้าน อาทิ
– ประกอบด้วยสารอาหารหลายชนิดที่ให้พลังงานแก่ร่ากงาย
– ป้องกันโรคโลหิตจาง
– ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดอาการภูมิแพ้
– เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ตับถูกทำลาย ป้องกันการเสื่อม และชลอเซลล์เสื่อมสภาพ ป้องกันผิวหนังเหี่ยวย่น
– ต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยรักษาแผล แผลติดเชื้อ
– ต้านเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้
– รักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างในกระเพาะอาหาร
– ช่วยดูดซึมสารอาหาร และแร่ธาตุเข้าสู่หลอดเลือด



ข้อควรระวัง ! :การทำเป็นยาต้ม ควรต้มให้พอประมาณจึงจะได้ผลดี หากต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่จะทำให้ท้องผูกแทน และควรเลือกใช้ฝักที่ไม่มากจนเกินไป และยาต้มที่ได้หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้อาเจียนได้



ขอขอบคุณที่ติดตามข่าวสาร สาระดีๆ ยิ้มรับ สุขภาพ นะคะ



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีทำข้าวหมาก

ปัสสาวะเป็นฟอง อันตรายกว่าที่คิด

ข้าวหมากอาหารไทยประโยชน์เพี๊ยบ